ในปัจจุบันตลาดทั่วโลกหมุนตามเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ แบรนด์จำนวนมากหันไปจับกลุ่ม Gen Z หรือ Gen Alpha ที่ดูเหมือนจะเป็นอนาคตของผู้บริโภค แต่ในอีกมุมหนึ่งของสังคมกลับมีกลุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่ทรงพลังมากกว่าที่คิด นั่นคือกลุ่มผู้บริโภควัย 60 ปีขึ้นไป ที่พร้อมจะใช้จ่ายเพื่อความสุขและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จากสังคมสูงวัย สู่ Silver Economy ระดับโลก
Source: United Nations
องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดว่าภายในปี 2030 โลกจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 1.4 พันล้านคน และจะเพิ่มเป็น 2 พันล้านคนในปี 2050 พูดง่าย ๆ คือหนึ่งในห้าของคนทั่วโลกจะอยู่ในวัยผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเอเชียที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุค Silver อย่างเต็มตัว
ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างเผชิญกับจำนวนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันแค่ในประเทศจีนเพียงประเทศเดียวก็มีผู้สูงอายุเกิน 280 ล้านคน และกลุ่มนี้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4 ล้านล้านหยวนต่อปี ส่วนประเทศไทยเองก็ก้าวสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2022 และคาดว่าจะกลายเป็น Super Aged Society ภายในปี 2035
นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขประชากร แต่คือโอกาสทองของธุรกิจยุคใหม่ เพราะเมื่อคนเราอายุยืนขึ้น การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปด้วย ผู้สูงวัยไม่ได้มองหาของที่จำเป็น แต่เริ่มมองหาสินค้าและบริการที่ช่วยเติมเต็มชีวิต และทำให้ทุกวันสะดวกขึ้น เช่น การเดินทางที่ตอบโจทย์สุขภาพ อาหารที่ดีต่อร่างกายแต่ยังอร่อย หรือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มั่นใจและมีความสุข
Source: Happy Retire
ทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายวัยเกษียณ
Source: Workpoint Today
หลายคนอาจคิดว่าผู้สูงวัยระวังการใช้เงิน แต่ในความเป็นจริง คนกลุ่มนี้กลับเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากที่สุดของโลก เพราะพวกเขามีเงินบำนาญ เงินออม และทรัพย์สินสะสมจากช่วงเวลาที่ผ่านการทำงานมาทั้งชีวิต และเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ เงินเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเก็บไว้อย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่ใช้ซื้อประสบการณ์ชีวิต ตั้งแต่การใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวกับครอบครัว การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการลงทุนในงานอดิเรกที่เคยฝันไว้แต่ไม่มีเวลาทำ
ที่สำคัญผู้สูงวัยมักมีสิ่งที่คนรุ่นทำงานขาดแคลนที่สุด นั่นก็คือเวลา พวกเขาไม่ต้องเร่งรีบแข่งกับเดดไลน์ หรือจะต้องเลือกซื้อของเพราะโปรโมชั่นที่จำกัดช่วงเวลา แต่สิ่งที่พวกเขาจะทำคือใช้เวลาศึกษา เปรียบเทียบ และตัดสินใจอย่างรอบคอบ ดังนั้นการตลาดที่ทำให้คนวัยนี้สนใจจึงไม่ใช่แค่แคมเปญที่มีสีสันสดใสหรือเป็นโฆษณาไวรัล แต่ต้องมีข้อมูลจริง น่าเชื่อถือ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ให้เกียรติผู้บริโภค
ยิ่งไปกว่านั้นผู้สูงวัยยุคใหม่ไม่ได้ห่างไกลจากเทคโนโลยีอย่างที่หลายคนเข้าใจ พวกเขาอยู่ในโลกออนไลน์ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของบน Shopee และ Lazada ได้คล่องแคล่ว ดูรีวิวสินค้าบน YouTube ก่อนซื้อ และติดตามคอนเทนต์ใน TikTok ได้สบาย
ลองสังเกตว่าเวลาเปิดโฆษณาสินค้าสำหรับผู้สูงวัย หลายชิ้นยังใช้ภาพคนผมขาวเดินถือไม้เท้า หรือสีเทาเรียบ ๆ ที่ดูนิ่งเกินไป เหมือนแบรนด์ยังติดกับภาพจำว่าผู้สูงวัยเท่ากับคนแก่ ทั้งที่ในความเป็นจริงคนวัยนี้จำนวนมากยังทำงาน มีสังคม และอยากใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ไม่แพ้คนรุ่นลูกหลาน
จากงานวิจัยของ Nielsen พบว่า ผู้บริโภควัย 55-70 ปี กว่า 60% ต้องการให้แบรนด์พูดกับพวกเขาเหมือนคนวัยทำงานไม่ใช่ในโทนสงสารหรือดูแล พวกเขาอยากเห็นตัวเองในมุมที่แข็งแรง มีพลัง และยังมีคุณค่า ไม่ใช่คนที่ต้องพึ่งพาใคร ซึ่งประเทศที่เข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะแบรนด์ UNIQLO และ GU คือสองแบรนด์แฟชั่นที่ไม่เคยสื่อสารว่าผู้สูงวัยคือคนที่ต้องแต่งตัวเรียบ ๆ ซ้ำ ๆ แต่กลับออกแบบเสื้อผ้าที่ใส่ง่าย เคลื่อนไหวสะดวก และมีดีไซน์เท่ในเวลาเดียวกัน ผลลัพธ์คือผู้สูงวัยใส่แล้วรู้สึกเป็นตัวเอง มั่นใจแต่ไม่ต้องพยายาม และยังกลมกลืนกับแฟชั่นของคนรุ่นลูกได้อย่างลงตัว
Source: Uniqlo Singapore
ขณะที่แบรนด์ความงามหลายแบรนด์ก็ฉีกภาพเดิมของโฆษณาเครื่องสำอาง ด้วยการเลือกผู้หญิงวัย 50+ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายทอดข้อความว่าความงามไม่มีวันหมดอายุ ภาพของหญิงวัยกลางคนที่หัวเราะอย่างมั่นใจในโฆษณาเหล่านี้ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงรุ่นเดียวกันรู้สึกว่าตัวเองยังสดใสและมีคุณค่า
สิ่งที่แบรนด์ต้องเข้าใจคือ Silver Economy ไม่ต้องการสินค้าสำหรับคนแก่ แต่ต้องการสินค้าที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าชีวิตยังมีพลัง ไม่ใช่ย้ำว่าพวกเขาต้องระวังตัว แต่บอกว่าพวกเขายังสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เหมือนกับตอนที่เป็นวัยรุ่น แบรนด์ที่เข้าใจมุมนี้จะเปลี่ยนจากการขายของใช้สำหรับวัยเกษียณ เป็นการขายประสบการณ์แห่งความภาคภูมิใจและเมื่อผู้บริโภควัยนี้รู้สึกว่าตัวเองได้รับการเคารพ พวกเขาจะตอบแทนแบรนด์ด้วยความภักดีที่ยั่งยืนกว่ากลุ่มวัยใด ๆ
ทำการตลาดกับ Silver Economy ให้โดนใจและยั่งยืน
ตลาดนี้ยังเปิดกว้างสำหรับแบรนด์ไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ สกินแคร์ธรรมชาติ หรืออุปกรณ์ Smart Living เพราะผู้สูงวัยทั้งในไทยและจีน ต่างมองหานวัตกรรมที่เข้าใจจังหวะชีวิตใหม่ของพวกเขา เข้าใจผู้สูงวัยในแบบไม่เหมารวม
-
แบ่งเซ็กเมนต์ให้ลึกกว่าแค่วัย
ผู้สูงวัยไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด คำว่าอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นเพียงตัวเลข แต่วิถีชีวิตต่างหากที่สะท้อนตัวตนของผู้บริโภคจริง ๆ บางคนยังทำงานอิสระและใช้ชีวิตไม่ต่างจากวัย 40 บางคนเพิ่งเกษียณแต่ยังเดินทางท่องเที่ยวปีละหลายครั้ง ขณะที่บางคนเลือกอยู่บ้าน ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร และดูแลสุขภาพแบบเรียบง่าย
ดังนั้นแบรนด์ควรแบ่งเซ็กเมนต์ตาม Lifestyle มากกว่าแค่ช่วงอายุ เช่น กลุ่มผู้สูงวัยที่ยังทำงานหรือมีกิจกรรมสังคมสูง สนใจเทคโนโลยี ฟิตเนส ท่องเที่ยว หรือกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพทั้งกายและใจ สนใจอาหารคลีนและการดูแลตนเอง
การเข้าใจความหลากหลายเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์วางแผนสื่อสารได้ตรงใจยิ่งขึ้น เช่น โฆษณาออนไลน์สำหรับคนที่ยังทำงาน กับแคมเปญออฟไลน์สำหรับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับครอบครัว
-
แนวคิดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง
สินค้าหรือบริการสำหรับผู้สูงวัยไม่ควรถูกออกแบบโดยมองข้อจำกัดเท่านั้น แต่ควรเริ่มจากการเข้าใจว่าพวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบไหน โดย Human-Centered Design คือแนวคิดที่เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เช่น ฟอนต์ที่อ่านง่ายแต่ยังสวยสะอาดตา UX/UI ที่ไม่ต้องสอนซ้ำหลายรอบ สีสันที่อ่อนโยนต่อสายตาแต่ไม่จืดชืดจนดูเชย หรือแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ขวดโลชั่นที่เปิดง่าย หรือแพ็กเกจอาหารที่ถือถนัดมือ สิ่งเหล่านี้ดูเล็กน้อย แต่กลับมีผลโดยตรงต่อความรู้สึกเข้าถึงได้ของผู้ใช้
ในประเทศจีน แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้จริงในหลายอุตสาหกรรม เช่น ร้านกาแฟบางแบรนด์เริ่มมีโซนสำหรับวัยเกษียณที่เก้าอี้สูงพอดี เดินสะดวก และมีเมนูน้ำตาลต่ำ ส่วนในไทย ธุรกิจสุขภาพและธนาคารก็เริ่มออกแบบสาขาและแอปให้ผู้สูงวัยใช้งานง่ายขึ้น เพราะพวกเขาคือฐานลูกค้าที่เติบโตเร็วที่สุด
Source: The Independent
-
ความเชื่อมโยงทางอารมณ์
คนวัยนี้ไม่ต้องการให้แบรนด์มาพูดเรื่องอายุซ้ำ ๆ แต่ต้องการแบรนด์ที่เข้าใจชีวิต สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์โดนใจกลุ่ม Silver Economy คือการเชื่อมโยงกับคุณค่าของชีวิตมากกว่าแค่การขายสินค้า ลองนึกภาพแคมเปญที่พูดถึงการได้พาแม่ไปเที่ยวที่ฝันไว้หรือการกลับมาเรียนวาดรูปในวัย 65 เรื่องเล่าแบบนี้สะท้อนความเป็นจริงและแรงบันดาลใจในเวลาเดียวกันเพราะสำหรับพวกเขา การใช้ชีวิตดีหมายถึงการได้ทำสิ่งที่รัก ไม่ใช่เพียงการมีสุขภาพดีเพียงอย่างเดียว
แบรนด์ที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ ได้อย่างแนบเนียน จะเปลี่ยนผู้ซื้อให้กลายเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดีในระยะยาว เพราะเมื่อพวกเขารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจจริง ๆ จะเกิดการบอกต่อเองโดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มเลย
-
การเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
Source: อุ้ยเกี๋ยงและผองเพื่อน
อย่าคิดว่าผู้สูงวัยไม่อยู่บนโลกออนไลน์ พวกเขาอยู่ และอยู่ทุกที่ ทั้งใน Facebook YouTube และ TikTok กลายเป็นช่องทางหลักที่คนวัยนี้ใช้ติดต่อกับโลกภายนอก ทั้งเพื่อสื่อสารกับลูกหลาน หาความรู้ และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่นในไทย เราเห็นคุณลุงคุณป้าทำช่อง TikTok สอนทำอาหารหรือสอนโยคะจนมีผู้ติดตามหลักแสน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าการเข้าถึงและเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการให้พื้นที่กับผู้สูงวัยในโลกดิจิทัลอย่างเท่าเทียม สำหรับแบรนด์การใช้ช่องทางเหล่านี้คือโอกาสสำคัญในการสื่อสารโดยตรงกับกลุ่ม Silver Economy ผ่านคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย เช่น How to ใช้สินค้า รีวิวจริงจากผู้ใช้วัยเดียวกัน หรือแคมเปญชวนแชร์ประสบการณ์ชีวิต
ในวันที่โลกกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจสูงวัย แบรนด์ที่เข้าใจหัวใจของผู้บริโภควัยนี้ก่อน จะได้เปรียบในทุกตลาด เพราะ Silver Economy ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังจ่ายสูง แต่คือผู้บริโภคที่มองหาความหมายใหม่ของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หากคุณคือแบรนด์ที่ต้องการก้าวข้ามจากการขายสินค้า สู่การสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับผู้คนทุกวัย S39 Digital Agency พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่ช่วยวางกลยุทธ์ตลาด Silver Economy อย่างเข้าใจลึกทั้งในไทย จีน และต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้แบรนด์ของคุณเติบโตไปพร้อมสังคมที่อายุมากขึ้นแต่เต็มไปด้วยโอกาสมากกว่าเดิม
📩 ติดต่อเราตอนนี้
📞 02-248-3068 หรือ 061-153-5845 | 📧 info@s39digital.com
Source:
World Population Prospects (United Nations)