เปิดเทรนด์การค้าจีนปี 2024 “ราคา-เมืองรอง-Pop Culture” กับ S39 Digital Agency “ตัวจริงเรื่องจีน”

“ตลาดจีน” นับเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ที่สุดทั้งด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจและประชากร ด้วยจำนวนประชากรมากกว่าประเทศไทยถึง 20 เท่าตัว และล่าสุดจากการวิเคราะห์ของ​สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2566 มีการขยายตัว 4.9% (YoY) เพิ่มมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.6% (YoY)

และด้วยมูลค่าทางการตลาดและกำลังซื้ออันมหาศาลนี้เอง จึงไม่แปลกที่เหล่าผู้ประกอบการไทยหลายรายอยากเข้าไปจับจองโอกาสทางธุรกิจนี้ แต่การที่ผู้ประกอบการไทยจะก้าวข้ามความท้าทายเพื่อเข้าใจเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคจีน เพื่อสร้างยอดขายและเติบโตในตลาดจีนได้อย่างมั่นคงนั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่แบรนด์ไทยจะไปโตในตลาดจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดี ด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น

  1. ศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งใกล้กับจีนเอื้อต่อการส่งออก
  2. นโยบายภาครัฐไทยที่ยังสนับสนุนการส่งออกไปจีน
  3. ตลาดสินค้าจีนในกลุ่มฟู้ดและคอสเมติกมีการขยายตัวสูงจนมีตัวเลขแซงหน้าตลาดเกาหลีจึงเป็นช่องทางที่แบรนด์ไทยเข้าไปทำตลาด
  4. ความนิยมของซอฟต์พาวเวอร์ไทยในหมู่ชาวจีน ยังคงสร้างโอกาสทางการขายสินค้าไทยในจีน

 

แต่ประเด็นหลักที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับแบรนด์ไทยที่ต้องการไปทำการค้ากับจีน คือภาพรวมของระบบอีคอมเมิร์ซของจีนเปลี่ยนไป ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่แต่ละประเทศทั้งโลกต้องรักษาเสถียรภาพของความมั่นคงทางการเงินของตัวเอง จีนก็เช่นกัน แม้จะเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะ และระบบอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่ภาพรวมของจีนก็ทำอีคอมเมิร์ซแบบเดิมด้วยการตั้งรับเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ภาพรวมการทำการตลาดเพื่อการสื่อสารต้องเข้าถึงคนจีนทุกช่องทางที่มากกว่าอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงเรื่องกลยุทธ์การตั้งราคา

คุณเธียรศักดิ์ ธรรมเจริญกิจ (นภ) CFO & Co-Founder S39 Digital Agency กล่าวว่า “การตั้งราคาสินค้าบนร้านค้าออนไลน์ ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมาก ๆ ของการขายสินค้าออนไลน์ในจีน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคจีนสามารถเช็กข้อมูลบนโลกออนไลน์ได้หมดจากทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ดังนั้น แบรนด์ต้องมีความชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร? เป็น B2B หรือ B2C ควรมีกลยุทธ์โปรดักซีซั่นนอลเมื่อไร, ควรมีการทำ Co-Brand อย่างไร เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญและระมัดระวังอย่างมาก”

 

ขณะที่ คุณปิยพนธ์ บูรณะศิลปกิจ (นัท) Sales & Marketing Director ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ในช่วงปี 2024 ความต้องการของสินค้าในจีนจะเปลี่ยนไป เพราะแนวโน้มของผู้บริโภคจากปกติอยู่แต่ในเมืองใหญ่ ๆ แต่ในอนาคต เมืองรองที่มีความหนาแน่นของประชากรจะกลายเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น เช่น เมืองเฉิงตู และชานตง เป็นต้น เนื่องจากในจีนมีการจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับเมืองรองต่าง ๆ เหล่านี้”

 

“ไม่เพียงแต่เรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปี 2024 เท่านั้น เทรนด์ที่กําลังมาแรงในการสร้างสรรค์ผลงานในจีนต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปที่เห็นได้เด่นชัดคือ การเสพ pop culture ของเด็กรุ่นใหม่ที่มีกําลังซื้อมากขึ้น เน้นการผลิตสื่อในประเทศ ซึ่งเราจะเห็นได้จากผลงานอนิเมชั่นที่จีนผลิตคุณภาพสูสีกับฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น การผลิตเกมดังรายได้อันดับ 1 อย่าง Genshin Impact และสินค้าของเล่นที่ทางจีนมีโรงงานผลิตของตัวเอง หา IP (Intellectual Property) มาอยู่ภายใต้ตัวเอง เช่น กรณีที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นของเล่น cry baby ที่เป็นกระแสโด่งดัง ที่ทางเราได้เห็นกับตาคือที่คนจีนทะเลาะกันเพื่อแย่งซื้อสินค้า ซึ่งข้อสังเกตเหล่านี้คือแง่คิดที่สําคัญในการสื่อสารกับคนจีนให้ตรงประเด็นได้มากขึ้น” คุณณัฐ แสนชื่น (ณัฐ) Group Creative Director กล่าว

 

คุณเธียรศักดิ์ ธรรมเจริญกิจ (นภ) CFO & Co-Founder S39 Digital Agency กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยประสบการณ์งานการตลาดจีนมากว่า 10 ปี ผนวกกับทีมงานที่มีการพัฒนากลยุทธ์ให้มีความก้าวหน้าเหนือคู่แข่งอยู่เสมอทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งองค์กรและแบรนด์ไทยชั้นนำในการบุกตลาดจีนมากมายกว่า 100 แบรนด์ อาทิ แลคตาซอย, ศรีจันทร์, ซุปไก่สกัดสก็อต, ออริจิ้น, ช่อง 3, ข้าวตราฉัตร, evisa Thailand, LET’S RELAX SPA เป็นต้น”

“สำหรับความแตกต่างของ S39 Digital Agency คือ การเป็น One Stop Service ดูแลครบวงจรของการทำธุรกิจในจีน เริ่มตั้งแต่การบริการครอบคลุมด้านการส่งออกไปจีน, การทำการตลาดจีนแบบออฟไลน์, ออนไลน์บนโซเชียลมีเดียจีน, การเปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน, การจดทะเบียนการค้าในจีน เพราะ S39 Digital Agency มีสำนักงานสาขาอยู่ที่จีน รวมทั้งมีทีมงานที่เชี่ยวชาญครบทุกสาขาในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้จริงในจีน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยแบ่งรูปแบบการให้บริการตั้งแต่ Digital Marketing, E-Commerce Store Operations, Production, OTAs Management, Influencers Marketing พร้อมการผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อค้นหากลยุทธ์ที่จะสามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครบทุกระดับ และทุกความต้องการของแบรนด์”

“พูดง่าย ๆ ตามหลักการตลาดพื้นฐาน 4P เรามีบริการให้ลูกค้าครอบคลุม 3P ไปแล้ว ยกเว้นเรื่อง Product โมเดลเอเจนซี่ที่มีบริการครบรูปแบบนี้ ในไทยยังไม่ค่อยมีให้เห็น แต่ที่จีนโมเดลเอเจนซี่ครบวงจรรูปแบบนี้ถือเป็นโมเดลที่นิยมและประสบความสำเร็จอย่างมาก หัวใจสำคัญของ S39 Digital Agency คือเป็นคู่คิดธุรกิจ เป็นที่ปรึกษาช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขาย ยกระดับธุรกิจไทยให้เติบโตในตลาดจีนได้อย่างก้าวกระโดด” คุณเธียรศักดิ์ ธรรมเจริญกิจ กล่าวสรุป

 

ในปี 2024 S39 Digital Agency จะมีบริการที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ Production ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอนเทนต์ที่โดนใจคนจีน วิดีโอที่เป็นที่นิยมในโลกปัจจุบัน และการ Live ขนาดเล็กไปถึงใหญ่ที่มีส่วนในการเพิ่มยอดขาย

สำหรับก้าวต่อไปของ S39 Digital Agency คือการตั้งเป้าผลักดันธุรกิจไทยให้ส่งออกไปตลาดจีนได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารไทย เพราะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมไทยที่มีศักยภาพ และได้รับความนิยมในจีน พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ ๆ ในจีนให้แข็งแกร่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Tmall, Tiktok, RedBook (หรือ Xiao Hong Shu แพลตฟอร์มที่รวมโซเชียลมีเดียและ E-Commerce) ตลอดจนเปิดช่องทางให้ความรู้ด้านกลยุทธ์การตลาดจีนจากกูรูตัวจริง ผ่านช่องออนไลน์ต่าง  ๆ อาทิ Facebook, Youtube, Podcast และการจัดงานสัมมนาต่าง ๆ เพื่อติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทย, นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการเปิดตลาดจีน รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจอีคอมเมิร์ช S39 Digital Agency ดิจิทัลเอเจนซี่จีนในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “ตัวจริงเรื่องจีน” พร้อมปลดล็อกศักยภาพทางการตลาด ตอบโจทย์อุตสาหกรรมและแบรนด์ไทยทุกระดับ ด้วยโมเดลการตลาดครบวงจรที่ประสบความสำเร็จในจีน

ขอขอบคุณ Columnai

 

สนใจรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่

Tel: 02 248 3068

Website: www.s39digital.com

Facebook: S39DigitalAgency

แชร์ :